เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๑ มิ.ย. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม เราทำบุญกุศลเพื่อร่างกาย สิ่งที่เสียสละเป็นอามิสทาน เป็นสิ่งอามิส เป็นวัตถุเลี้ยงชีพเลี้ยงชีวิตนี้ แต่เวลาฟังธรรมๆธรรมะ สิ่งที่สัมผัสได้คือความรู้สึกความรู้สึกนี้สัมผัสธรรมได้เวลาพูดถึงธรรมะสะเทือนหัวใจ ขนลุกขนพอง ถ้าขนลุกขนพองนั่นน่ะมันสะเทือนกิเลส แต่ถ้ามันฟังแล้วมันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาฟังแล้วฟังสักแต่ว่าๆ สักแต่ว่าเราก็ไม่ได้ประโยชน์สิ่งใดไง 

แต่ถ้ามันได้ประโยชน์ดูสิ ดูคนโบราณเขาเห็นมดมันขนไข่เวลามดมันขนไข่ของมัน เขาคาดคะเนว่าฝนมันจะตก ฝนมันจะตกแน่ๆเพราะมดมันจะขนไข่ของมันนั่นคืออะไร คือประสบการณ์ไงคือสถิติที่เขาดูแลกันมา เห็นไหม มดขนไข่ๆมันเป็นพยากรณ์อากาศของสัตว์สัตว์มันเพราะอะไร เพราะมันสร้างรังของมันเวลาฝนมันตกแล้วน้ำจะไปท่วมรังของมันถ้าน้ำท่วมรังของมัน มันต้องขนไข่ของมันขนสมบัติของมัน ขนทายาทของมันหลบน้ำๆ

เวลาฝนตกขึ้นมา ฝนตกมาก น้ำท่วมขึ้นมา มดมันจะเกาะกันเป็นแพเลย มันเอาชีวิตรอดของมันๆนั่นคือประสบการณ์ของมันสัญชาตญาณของสัตว์สัญชาตญาณของสัตว์มันหลบภัย หลบอะไรของมันเวลาเกิดไฟป่าขึ้นมา สัตว์ที่มันหนีไม่ทันมันต้องตายทั้งนั้นน่ะ สัตว์ที่มันหนีทัน มันพยายามวิ่งหนีของมันเวลาเกิดไฟป่าเวลาเกิดไฟป่านี่ธรรมชาติธรรมชาติมันสภาวะแวดล้อม 

มนุษย์แต่เดิมเวลาปลูกบ้านปลูกเรือน ปลูกเรือนแพอยู่ในแม่น้ำลำคลอง เวลาน้ำขึ้นน้ำลงตามเรือนแพนั้นเวลามนุษย์เทคโนโลยีมันเจริญขึ้นมาปลูกบ้านปลูกเรือนขึ้นมาก็ปลูกเรือนที่ใต้ถุนสูง เวลาน้ำขึ้นน้ำลงเขาหนีภัยของเขาได้ เทคโนโลยีมันสูงขึ้นมา เราก็ปลูกเรือนของเรา น้ำท่วมมาน้ำท่วมหมดเลย

เวลาโลกมันเจริญๆเจริญจนเราลืมวัฒนธรรมของเราไง เราลืมวัฒนธรรมของเรา เราว่ามันเจริญ โลกเจริญๆ โลกเจริญวัตถุมันเจริญถ้าโลกเจริญวัตถุเจริญ มันยิ่งเกิดฟืนเกิดไฟ เกิดฟืนเกิดไฟขึ้นมา เวลามันเผาผลาญไงมันเผาผลาญเพราะว่าการแข่งขัน กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันต้องการสิ่งนั้นไง ธรรมโอสถๆ คนที่มีธรรมโอสถมีสติปัญญารักษาหัวใจของตนเวลารักษาหัวใจของตนด้วยสติด้วยปัญญา

คนเราเกิดมามีแต่กายกับใจ กายกับใจ ธาตุ ๔ มันต้องการอาหารของมัน สิ่งที่เราหาเลี้ยงร่างกายนี้ร่างกายนี้ทางโลกเขาเวลาปัญหาสังคมๆเขาวัดกันด้วยทรัพย์สมบัติเขาวัดกันด้วยชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณแข่งขันกันๆการแข่งขันนั้นถ้าแข่งขันโดยธรรม แข่งขันโดยความสุจริต 

คนเกิดมามีกายกับใจๆ มีธาตุ ๔และขันธ์ ๕เวลามีธาตุ ๔และขันธ์ ๕ มันต้องการอาหารของมัน คนเกิดมาต้องมีหน้าที่การงาน แต่การงานนี้เขาหามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ถ้าคนมีศีลมีธรรมในหัวใจจิตใจที่มันเจริญงอกงามขึ้นมาทำสิ่งใดมีน้ำใจต่อคนอื่น มันมีน้ำใจต่อเขากลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลมไง คุณงามความดีของเราจริตนิสัยของเรานั่นน่ะ คนอยู่รอบข้างเขาชื่นชม คนที่เห็นแก่ตัว จริตนิสัยของคนคนนั้นน่ะเอารัดเอาเปรียบเขา คนรอบข้างเขาลำบากใจ เขาลำบากใจของเขา เขาไม่พูดออกมา 

คนที่มีศีลมีธรรมขึ้นมา เราทำสิ่งใดเพื่อความสุจริตความเป็นธรรมๆ คนรอบข้างมีแต่ความสุขไปทั้งนั้นน่ะคนรอบข้างมีความสุขนะ เราเป็นคนต่ำต้อยเราเป็นคนไม่มีโอกาสวาสนาเราทำสิ่งใด แต่เรามีความซื่อสัตย์ของเราเราทำอะไรเพื่อสัจจะเพื่อความจริงของเราด้วยความสุจริตของเราเราจะมีมากมีน้อยของเราเราก็ใช้ประกอบสัมมาอาชีวะของเราได้อย่างนี้ เรามีศีลมีธรรม ศีลธรรมอย่างนี้ทำให้ความสุจริตมันคุ้มครองเรา จะตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ไงจะอยู่ที่ไหนเราก็อยู่ด้วยความรื่นเริงอาจหาญไง คนที่ทำสิ่งใดขึ้นมาแล้วมันทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆทำอะไรก็ไม่กล้าเผชิญความจริง เห็นไหม มันศีลธรรมๆ คนที่มีศีลมีธรรม หัวใจมีสิ่งนี้เป็นที่พึ่งอาศัย ถ้าหัวใจมีสิ่งนี้เป็นที่พึ่งอาศัย ความอาศัยอย่างนี้ นี่ธรรม 

คำว่า“ธรรม” ธรรมมันคืออะไรธรรมมันเหนือโลก โลกแข่งขันกัน คนที่ไม่มีบ้าน คนไร้บ้าน เวลาเขาอยู่ด้วยความทุกข์ความยากของเขา คนมีน้ำใจของเขาเขานัดกัน ถึงวันแล้วเขามีอาหารร้อนๆ มาให้หนึ่งมื้อ เขามีน้ำใจต่อคนที่ไร้บ้าน คนที่ไร้บ้าน คนที่ตกทุกข์ได้ยากขึ้นมา มันเป็นคราวเคราะห์คราวกรรมของสัตว์โลกก็ได้เป็นความประมาทเลินเล่อของเขาก็ได้ เป็นความขัดแย้งในครอบครัวที่เขาหนีออกจากครอบครัวมาก็ได้ นี่เวรกรรมของสัตว์โลกมันไม่เหมือนกัน เห็นไหม

แต่คนที่มีน้ำใจของเขานั่นเป็นเวรเป็นกรรมของเขาเราจะมีน้ำใจถึงเขา เราระลึกถึงเขา คนไร้บ้านยังมีคนเมตตายังมีคนระลึกถึงความระลึกถึงอย่างนั้น นี่น้ำใจของคนถ้ามีน้ำใจของคน เราเป็นมนุษย์นะ สัตว์เวลามันช่วยเหลือกัน มันเผื่อแผ่ มันเจือจานกัน สัตว์มันยังทำได้ มนุษย์สูงกว่าสัตว์ๆ

ถ้าเราฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้ฟังธรรม ถ้ามีสติมีปัญญาในหัวใจของเราในใจของเรามันจะมีความขัดแย้ง มันจะมีความเดือดร้อนในหัวใจก็แล้วแต่ มันมีแต่ฟืนแต่ไฟไง 

น้ำอมตธรรม น้ำอมตธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชำระล้างในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นคุณค่าของความรู้สึกอันนี้ที่ยิ่งใหญ่นัก ความยิ่งใหญ่นัก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา สตฺถาเทวมนุสฺสานํ สั่งสอนทั้งเทวดาอินทร์ พรหมมนุษย์ที่ไหนไปสั่งสอนเทวดาอินทร์ พรหมมนุษย์ที่ไหนมนุษย์สอนมนุษย์ มนุษย์มันยังไม่ฟังเลยมนุษย์สั่งสอนทั้งเทวดา อินทร์พรหมลงมา สั่งสอนทั้งมนุษย์สั่งสอนทั้งกษัตริย์ ให้กษัตริย์ ให้ผู้ปกครองเป็นศีลเป็นธรรม ให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข อนุปุพพิกถา สอนพวกเรา พวกที่คนทุกข์คนยากคนจน เวลาอนุปุพพิกถา ให้เสียสละทานๆ

มันจะไม่มีจะกินอยู่แล้วเอาที่ไหนมาเสียสละทานเสียสละทานเสียสละความทุกข์ความยากในใจอันนั้นเวลามันบีบคั้นขึ้นมาในใจ มีการฝึกหัดๆ ถ้ามีสติปัญญา วางมันๆ วางมันก็คือการเสียสละเราทำบุญกุศลเราก็มาวาง วางเสร็จแล้ว พระผู้ที่ทรงศีล สิ่งที่ได้มาด้วยปฏิคาหก เขาปากกัดตีนถีบนะเขาหาเงินหาทองของเขามานะ กว่าที่มันจะได้สิ่งนี้มาเขาต้องหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาทั้งนั้นน่ะ เราจะดูถูกเหยียดหยามสิ่งที่เป็นน้ำใจของเขาได้อย่างไร 

สิ่งที่เขาหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา เขาเสียสละของเขา ผู้ทรงศีลๆ มีศีลมีธรรมขึ้นมาจิตใจสูงส่ง ไปดูถูกน้ำใจของเขาได้อย่างไรถ้าไม่ดูถูกน้ำใจของเขา ปฏิคาหก รับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ รับไว้สิ่งใดทำประโยชน์ สิ่งที่เหลือทำประโยชน์ต่อเนื่องๆ ไป ปฏิคาหกๆ นี่ไง เราเสียสละของเราเพื่อประโยชน์สิ่งใดล่ะ ก็ประโยชน์หัวใจเรานี่แหละ 

การวางถ้ามันมีความทุกข์ความยากในหัวใจมันวางไม่ได้ พอวางไม่ได้ขึ้นมายิ่งทุกข์ยิ่งยากขึ้นมา น้อยเนื้อต่ำใจ สังคมรังแกเราๆ ทุกคนก็รังแกเรา...ใครรังแก เกิดมามีสองมือสองเท้าเท่ากัน เกิดมาก็มีสมองเหมือนกัน ทำไมเขาทำมาหากินของเขา เขาประสบความสำเร็จของเขาล่ะ เขาทำของเขามาด้วยสติด้วยปัญญาของเขาด้วยความรอบคอบของเขา ไอ้ของเราเราประมาทเลินเล่อ เอาแต่มักง่าย เอาแต่สะดวกสบายจะเอาแต่ดังใจมันไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก 

สิ่งที่ในโลกนี้ คนที่เขาประสบความสำเร็จของเขาคนที่เขาประสบความสำเร็จนะล้มลุกคลุกคลานมามากแต่เขาล้มลุกคลุกคลานอย่างไรเขาก็มีสติสัมปชัญญะลุกขึ้นยืน ยืนแล้วเขาพยายามตั้งสติพยายามต่อสู้กับสัจจะ สู้กับข้อเท็จจริงอันนั้น เอาข้อเท็จจริงอันนั้นมาวินิจฉัยว่ามันผิดพลาดเพราะเหตุใด มันทำเพราะเหตุใดคนที่เขาจะประสบความสำเร็จ เขาจะประสบความสำเร็จมาจากในท้องหรือ คนที่ประสบความสำเร็จ เขาประสบความสำเร็จเพราะปัญญาของเขาด้วยสติของเขา 

เราก็เหมือนกัน เราทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ตั้งต้นใหม่สิ การกระทำสิ่งใดมันจะประสบความสำเร็จโดยง่ายดายล่ะความง่ายดายอย่างนั้น ใครๆมันก็ร่ำรวยไปหมดแล้วสิ ดูสิเวลาเกิดมาๆใครเกิดมาก็อยากจะเกิดมาพ่อแม่คาบช้อนเงินช้อนทองมาอยากจะเกิดมากับคนที่ร่ำรวยคนที่มีทรัพย์สมบัติมากๆ ไอ้คนที่มีทรัพย์สมบัติมากๆมันก็เป็นโรคโรคหนึ่ง เป็นโรคมีลูกยากไปหาหมอๆทำไมมันไม่ไปเกิดตรงนั้นน่ะ

เวรกรรมของสัตว์นะเวลาจะเกิดกรรมของสัตว์นี่สายบุญสายกรรม มันต้องมีสายบุญสายกรรมเกิดมาร่วมกัน เวลาเกิดมาร่วมกันพ่อแม่เท่ากับควักหัวใจไปเลย หัวอกมันอยู่ที่นั่นหมดความผูกพันความรักมันอยู่ที่นั่นหมด แล้วถ้าลูกอภิชาตบุตร บุตรที่ดีก็มาส่งเสริมกันนี่สายบุญสายกรรมที่ดี ถ้ามีเวรมีกรรมต่อกันก็มาขัดแย้งกัน ความไม่เข้าใจกัน ถ้ามันปรับความเข้าใจกันในชาตินี้ได้มันก็ประเสริฐมากนะ ถ้าปรับความขัดแย้งกันชาตินี้ไม่ได้มันก็ยังบาดหมางกันไปตลอด นี่สายบุญสายกรรมการกระทำกันมา นี่ผลของวัฏฏะๆ

ฉะนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอนกรรมเก่ากรรมใหม่ สิ่งที่เป็นจริตนิสัยนั้นคือกรรมเก่าของเรา กรรมเก่าของเรามันเป็นทัศนคติ เป็นความเห็นของเรานี่แหละความเห็นของเรา ดูสิ ทางโลกของเขา ถ้าเกิดในปมหัวใจปมในใจๆ มันจะแสดงออกอย่างนั้นน่ะแล้วปมในใจๆเราเก็บไว้ทำไมล่ะ 

เวลาเราเป็นโรคร้ายเป็นมะเร็ง ไปถึงเขาตัดทิ้งหมดแหละ ไอ้นี่สิ่งที่ไม่ดีในหัวใจทำไมไม่ตัดมันทิ้งล่ะ ไม่ได้ตัดมันทิ้งนะ ไปถนอมมันอีกต่างหาก ไปดูแลรักษามันอีกต่างหาก ไปดูแลสิ่งที่เป็นทุกข์เป็นยากในหัวใจ สิ่งที่เป็นคุณงามความดี บอกให้ทำบุญกุศล ให้เสียสละ มันบอกไม่ได้ ทำไปแล้วเราจะเสียเปรียบ ทำไปแล้วเราทำไม่ได้สิ่งใด 

ไอ้ที่ว่าได้ มันบอกว่าไม่ได้ ไอ้ที่ไม่ได้ไอ้ที่ทุกข์ยากมันบอกมันได้ไอ้ที่มันทุกข์มันยาก ทิฏฐิมานะอันนั้นน่ะไปรักษามันไว้ใครมองหน้าก็ไม่ได้ ใครพูดอะไรก็หาว่านินทาเรา ใครทำอะไรมันไปหาเรื่องหมดเลยนะ หูมันยาวมันไปหาเรื่องเลย

แต่ที่พ่อแม่สั่งสม ที่พ่อแม่เขาชื่นชมพ่อแม่เขาสั่งสอน ไม่ฟัง ไม่ฟัง เวลาสิ่งอื่นมันไปฟัง นี่ไงสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัยมันไปถนอมรักษาดูแลไว้ เกิดทิฏฐิมานะ ไม่เข้าใจมัน ไอ้สิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับเราๆ บ้านเราถ้าเราดูแลรักษาดี บ้านเราหลังคาดูแลดีแล้ว ฝนจะตกแดดจะออกขึ้นมา เราอยู่ในบ้านเราด้วยความสงบร่มเย็น สิ่งใดที่เรารักษาดูแลดีแล้วไง 

นี่ก็เหมือนกันหัวใจของเรามีสติมีปัญญาดูแลหัวใจนี้ดีแล้วไง ถ้ามันคิดไม่ดี เราปะผุปะหัวใจของเราอย่าให้มันคิดอย่างนั้น หัวใจอย่าให้มันเป็นกระชอนก้นรั่ว สิ่งใดเป็นประโยชน์กับใจไม่มีสิ่งใดเลยเสียสละไป สิ่งที่เสียสละไปมันเป็นวัตถุ แต่สิ่งนั้นมันเป็นทิพย์ๆ คือสิ่งที่ว่าเจตนาของเรา ความรู้สึกของเรา ความคิดของเรา เราคิดสิ สิ่งที่เราเคยเสียสละไปกี่ปี ของมันไม่เน่าไม่เสีย มันเป็นทิพย์สมบัติระลึกถึงยังอุ่นๆอยู่เลย ยังร้อนๆ อยู่เลยไม่เน่าไม่เสีย

วัตถุข้าวของที่เก็บไว้มันบูดมันเสียทั้งนั้นน่ะ เก็บไว้ข้ามวันมันก็บูดแล้ว แต่ของที่เสียสละไปแล้วมันจะเป็นทิพย์สมบัติอยู่ในใจเลย แล้วทำจนเคยชิน ทำจนมันเป็นจริตนิสัย ทำจนมันเป็นปกติ พอมันเป็นปกติแล้วมันมีแต่บุญกุศลในหัวใจมันจะไปแบกหาม มันจะไปรักษาอะไรที่เป็นความทุกข์ความยาก ไอ้ติ่งความทุกข์ในใจมันตัดทิ้ง

แต่ถ้ามีปัญญา มีปัญญาอย่างนั้นฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง ของที่มันเป็นอยู่ในหัวใจของเราเราทำได้เองแต่เราทำไม่ได้เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากเราทำไม่ได้เพราะความสงสัย เราทำไม่ได้เพราะเราเข้าใจผิด เราว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับเราไง 

สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเราจริงๆ เรากลับเข้าใจไม่ได้ มันเพราะอะไร เพราะเป็นการหลุดมือจากเราไปไงมันหลุดมือจากเราไป เห็นไหมบ้านเรือนเวลาที่เกิดไฟไหม้ถ้าใครขนทรัพย์สมบัติออกมาได้มากน้อยเท่าไรสมบัตินั้นเป็นสมบัติของเขาบ้านเรือนทรัพย์สมบัติสิ่งใดอยู่กับบ้านเรือนนั้นเวลาไฟมันเผาขึ้นมา ไฟไหม้บ้าน บ้านเรือนนั้นจะมอดไหม้ไปหมดเลย จะไม่มีของอะไรติดตัวเราไปเลย คนเรา ธาตุไฟๆ มันอบอุ่นให้ร่างกายนี้มีชีวิตอยู่นี่ไง 

เวลาคนตาย จิตออกจากร่างไปๆเวลาบ้านเรือนที่โดนเผาแล้วเผาทำลายไปแล้ว มันตกอยู่ที่ภพชาตินี้ มันเป็นสมบัติสาธารณะไงข้าวของเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณมันตกอยู่กับโลกนี้ไง มันไม่ข้ามไปโลกหน้าหรอกสิ่งที่เป็นโลกหน้ามันมีแต่บาปกับบุญในหัวใจเท่านั้นที่จะไปโลกหน้าไง เวลามันเผาผลาญหมดแล้วไม่มีอะไรติดหัวใจเราไปเลย

แต่ใครเสียสละ ใครที่ขนออกๆ นั่นน่ะมันเป็นของมันเพราะอะไรเพราะเจตนามันเป็นคนทำ จิตมันเป็นคนทำจิตมันรู้ จิตมันเป็นไป นี่ทิพย์สมบัติ เทวดาอินทร์ พรหมวิญญาณาหารๆอาหารที่เป็นทิพย์ๆ ใครทำสิ่งใดมามันก็ได้อย่างนั้นไงคนไม่ได้ทำสิ่งใดมาเลย มันไม่มีบัญชี ไม่มีต้นขั้ว มันจะเอาสมบัติมาจากไหนล่ะ สมบัติมันไม่มี ให้นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก นึกอย่างไรก็นึกไม่ได้ ของไม่เคยเห็นไม่เคยมี นึกได้อย่างไร แต่ของที่มันทำมากับตัวมันเองมันไม่ต้องนึก มันเป็นของมันเองในหัวใจอันนั้นไง นี่ทิพย์สมบัติ

ฟังธรรมๆ ตอกย้ำอย่างนี้ให้จิตใจเรามันฉลาดขึ้นมา ว่าทำแล้วไม่ได้ๆ มันจะได้ไอ้ที่ว่าของกูๆไม่มีของกูเลยตกอยู่กับโลกนี้ไม่มีได้อะไรเลย 

ถ้ามันได้ในปัจจุบันนี้ปัจจุบันผู้ที่แสวงหามาปัจจุบันนี้เราเป็นคนทำมาใช่ไหม เราฉลาดหรือไม่ถ้าเราฉลาดหัวใจมันสูงส่งหัวใจทำได้จิตใจที่สูงส่งจิตใจที่ดีงามเขาทำได้ทั้งนั้นเลย เสียสละได้ทั้งนั้นน่ะ เพื่อสังคมๆ ทำได้หมดเลย ไม่ตะหนี่ถี่เหนียวทั้งสิ้น มันทำเป็นประโยชน์กับสังคมประโยชน์กับโลกไง ถ้าประโยชน์กับโลก มันก็ยกหัวใจให้สูงขึ้นจิตใจที่ใหญ่กว่าอยู่เหนือโลกไง ไอ้จิตอยู่ใต้โลกมันแบกโลก ไม่ใช่ของกูก็เที่ยวคดเที่ยวโกงของเขา ของกูๆแล้วมันของกูที่ไหน มันไม่ใช่ของกูสักอย่าง

นี่ไงกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ฝึกหัวใจของเราไง ให้หัวใจเราผ่องแผ้ว ให้หัวใจเรามันมีอิสระ พออิสระแล้วอยากจะมีสมบัติมากขึ้นกว่านั้น อริยทรัพย์ ศีลสมาธิ ปัญญาศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ผู้ใดยังไม่ฝึกหัดศีลสมาธิ ปัญญาเกิดขึ้นมาจากใจ เรายังไม่เกิดมรรคเกิดผลในใจ ถ้าเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา มันก็จะลองผิดลองถูกแล้ว เพราะกิเลสกับธรรมมันจะต่อสู้กลางหัวใจของเราชัยภูมิในการฝึกหัดปฏิบัติเห็นไหม สัมมาสมาธิๆ

ถ้าไม่มีสัมมาสมาธิ เราจะเอาชัยภูมิที่ไหน เราจะไปฝึกหัดที่ไหนฝึกหัดที่สมองใช่ไหม ฝึกหัดที่สัญชาตญาณใช่ไหม ตรรกะที่คิดกันอยู่นี่มันจะตกผลึกอยู่นี่ งานวิจัยทั้งหมดเขาจดจารึกไว้ในโลกนี้ทั้งนั้นน่ะ นี่งานวิจัยของโลกไง แต่ความรู้ในใจของตนยังไม่เกิดไง

แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมาจิตใจเราเป็นธรรมๆ ขึ้นมา มันอยากจะให้มีสมบัติมากกว่านี้ไง มันจะหายใจเข้านึกพุท หายใจออกโธแล้วแหละพอจิตสงบเข้ามานี่มหัศจรรย์แล้ว โอ้โฮ! เมื่อก่อนโง่ ไปหาแต่สมบัติภายนอก ไปแก่งแย่งชิงดีกับโลกเขา แล้วไม่ได้มีสมบัติอะไรของตนเลย 

เราละโลก วางโลกไว้หมดแล้ว จิตใจเป็นอิสระเข้ามาทำสติ มีสติปัญญารักษามัน มันถึงตั้งตัวขึ้นมาเป็นสัมมาสมาธิได้แล้วถ้ามันน้อมไปเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง นี่ไง ปัญญาที่รู้แจ้ง รู้แจ้งในความติดข้อง รู้แจ้งในไอ้ติ่งความทุกข์นั่นน่ะที่เราไม่เคยรู้แจ้งมัน ไม่เคยเห็นมันว่ามันเกิดมาจากไหนมันเกิดมาจากความโง่นี่เองมันเกิดมาจากความไม่รู้ทั้งนั้นแล้วถ้ามันรู้แจ้งๆ ขึ้นมาปัญญามันจะเกิดเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไปหัวใจดวงใดที่มีมรรค มันมีมรรคมีผลอย่างนี้ขึ้นมา หัวใจดวงนั้นจะเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกหัวใจดวงนั้นจะประเสริฐขึ้นมาไง แล้วประเสริฐขึ้นมามันอยู่ที่ไหนล่ะอยู่ที่เรานั่งกันอยู่นี่แหละเพราะเรามีหัวใจทั้งนั้นน่ะเราคิดไม่เป็นทำไม่เป็นไง 

ดูสิ ทางโลกเขาแข่งขันกันจนมีผู้ประสบความสำเร็จ ผู้ที่พ่ายแพ้ นั่นก็ทางโลก ทางหัวใจผู้ที่จิตสงบแล้วถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา มีการต่อสู้กับมัน มันจะชนะหรือจะแพ้ล่ะ ถ้าผู้ที่ชนะ ชนะต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนถึงที่สุด จิตเดิมแท้นี้ผ่องใสจิตเดิมแท้นี้เป็นผู้ข้ามพ้นกิเลสจิตเดิมแท้ ถ้าเรารู้ถึงจิตเดิมแท้

แต่ในทางโลกมันตรรกะ มันปรัชญา พูดกันไป แล้วผู้ที่ไม่มีวุฒิภาวะก็เชื่อตามกันไป แต่ไม่เป็นความจริง ถ้าความจริงเป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกเป็นกลางหัวใจรับรู้จริงๆ ไอ้ที่เราทำแล้วกึ่งๆไม่รู้ถึงต้องไปถาม ไปถามแล้วเจอ ๑๘มงกุฎ มันก็ยกยอปอปั้นแล้วก็หลงไปกับ ๑๘ มงกุฎไงเราไม่เคยเจอพระแท้ๆ พระจริงๆ สักองค์นึง เราเจอแต่๑๘ มงกุฎ เราทำอะไรครึ่งๆกลางๆ มันก็บอกนั่นแหละเป็นธรรมๆ ไอ้เราก็คนครึ่งๆกลางๆ ก็เออ! คือธรรมๆ หลงกันอยู่อย่างนั้น

แต่ถ้าเป็นจริงๆ เราเจอครูบาอาจารย์ที่ดีครูบาอาจารย์ที่ดีท่านจะชี้กลับมาความรู้สึกความเป็นจริงในหัวใจของเรา แล้วถ้าเป็นความจริงในหัวใจของเรามันสุดซอย สุดซอยถึงฐีติจิตแล้วมันไม่ไปไหนหรอกโกหกกันไม่ได้มันโกหกกันไม่ได้หรอก มันเป็นความจริงอันนี้ ถ้าความจริงอันนี้ไง ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง

เรามาทำบุญกุศลของเราเพื่ออำนาจวาสนาบารมีแต่ถ้าเราทำได้จริงขึ้นมาสมบัติของเรานะ พุทธะ ความรู้สึกในหัวใจของเรามันอยู่กับเรา ถ้ามีมรรคมีผลขึ้นมาในใจของเรา เข้าไปถึงหัวใจของเรามันจะเป็นประโยชน์กับเรา นี่สมบัติของชาวพุทธ

สมบัติของชาวพุทธสิ่งที่มีค่าที่สุดคือหัวใจของเราที่มีสติมีปัญญา รักษาไว้ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ตีโพยตีพายกับใดๆทั้งสิ้น มันจะมีสติมีปัญญารักษาหัวใจของมัน เพราะมันประเสริฐ มันเหนือโลกไง มันมีคุณค่ามากไง 

ถ้ามีคุณค่ามาก เราทำแบบนี้ อย่าให้ ๑๘ มงกุฎอย่าให้ผู้หลอกลวงเขาชักนำกันไป ไม่ต้องไปเสียเงินไปซื้อไม่ต้องเสียเงินไปแลกเปลี่ยนไม่ต้องทั้งสิ้นจิตแก้จิต ความรู้สึกเข้าไปจับมัน หัวใจของเรามีค่ากว่าแก้วแหวนเงินทอง มีแต่การยกย่องสรรเสริญ หัวใจนี้มีค่านัก เอวังนะ